ข้อคิดจาก Site Visit สถาบันอุดมศึกษา
ประสบการณ์ที่ผ่านพบจากการออกไปประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของสถาบันอุดมศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐รอบ ๑๒ เดือน ผู้เขียนในฐานะผู้ประเมินได้เรียนรู้หลายสิ่งทั้งจากทีมคณะกรรมการและจากสถาบัน อุดมศึกษาจึงอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะบางประการ
ปัญหาร่วมที่พบจากการตรวจเยี่ยม (Site Visit) รอบ ๑๒ เดือน มีอย่างน้อย ๒ ประการ คือ
๑. ความเข้าใจที่ไม่ตรงหรือคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคำนิยามของตัวชี้วัด
เกณฑ์การให้คะแนนและแนวทางการประเมินในแต่ละตัวชี้วัดที่ระบุไว้ในคู่มือการประเมินฯ
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม นำไปสู่ผลที่ไม่พึงประสงค์ของทั้งผู้ประเมินและผู้ถูกรับการประเมินท่ามกลางบรรยากาศ
เผชิญหน้า ถูกผิด ใช่/ไม่ใช่
การปกป้องตนเอง
และ การหาแพะรับบาป
ปรากฏการณ์ทำนองนี้เป็นบทเรียนเตือนสติว่าคู่มือหรือเอกสารสำคัญใด ไม่ใช่เป็นเครื่องรับประกันว่า
ผู้ประเมินและผู้รับการประเมินจะเข้าใจในสิ่งที่จะประเมินตรงกัน เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร
คงจะต้องหาวิธีและมาตรการเสริมเพื่อทำให้มั่นใจว่า ทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ถูกต้องในนิยาม
เกณฑ์การให้คะแนน (รวมทั้งสูตรการคำนวณ) และแนวทางการประเมินของแต่ละตัวชี้วัด
ตั้งแต่
การเจรจา
ระหว่างการเจรจา และโดยเฉพาะการตรวจเยี่ยมรอบ ๖ เดือน มีความสำคัญมากสำหรับ กัลยาณมิตรประเมิน
ความเข้าใจไม่ถูกต้องนำไปสู่การวางระบบและการเตรียมข้อมูลเอกสาร หลักฐานประกอบตัวชี้วัดที่ไม่ถูกต้อง
ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เสียเวลา เสียความรู้สึกและเสียผลประโยชน์อย่างที่ไม่ควรจะเป็น นำไปสู่การไม่เห็นคุณค่าของระบบการประกันคุณภาพ
จิตสำนึกแห่งคุณภาพก็ยากจะเกิด ตัวอย่างที่พบบ่อยในปัญหานี้ ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ ๘, ๑๔
และ ๒๓ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สถาบันประเมินตนเองที่ระดับ ๕ แต่ถูกปรับลดค่าระดับคะแนนลงเหลือ
๑ เพราะเข้าใจไม่ตรงกัน
ตัวชี้วัดที่
๘ ระดับความสำเร็จของการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพคณาจารย์ของสถาบันอุดมศึกษา
เหตุผลที่สถาบันประเมินตนเองที่ค่าคะแนนระดับ ๕ คล้ายๆ กัน คือ สถาบันมีคณะกรรมการและมีเอกสารจรรยาบรรณ
บางแห่งมีคู่มือปฏิบัติตามจรรยาบรรณ
แต่ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า มีระบบการกำกับติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพคณาจารย์
บางแห่งไม่ได้นำมาตรฐานจรรยาบรรณที่พึงมีในสถาบันอุดมศึกษาตามประกาศ กพอ. ลงวันที่
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่องคำอธิบายเพิ่มเติมคู่มือการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐
ตัวชี้วัดที่
๑๔ ระดับความสำเร็จในการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและร่วมติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติราชการ
เหตุผลที่สถาบันประเมินตนเองที่ค่าคะแนนระดับ ๕ คือ มีบุคคลภายนอก เช่น
ผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัย มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบไปด้วย
กรรมการภายนอก มีโครงการที่ทำร่วมกับประชาชนหลายโครงการ แต่ปัญหาคือ ไม่มีหลักฐานเอกสารแสดงว่า
สถาบัน/มหาวิทยาลัยวิเคราะห์ภารกิจหลักหรือยุทธศาสตร์ที่สำคัญและเหมาะสมในการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและนำผลการวิเคราะห์ไปกำหนดกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างเหมาะสม
จึงไม่มีการแต่งตั้งคณะทำงานภาคประชาชนตามที่ระบุไว้ในรายละเอียดการดำเนินการของแต่ละขั้นตอนในคู่มือ
ตัวชี้วัดที่
๒๓ ประสิทธิภาพของการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่ามีการศักยภาพของผู้เรียนและเข้าใจผู้เรียนเป็นรายบุคคล
และที่สำคัญ ไม่มีหลักฐานแสดงว่า
คณาจารย์ส่วนใหญ่ (ร้อยละ
๗๕) ได้ปฏิบัติตามประเด็นย่อยทั้ง ๗ ประเด็น
ตัวอย่างตัวชี้วัดทั้ง ๓ ตัว เป็นตัวชี้วัดบังคับทั้งหมดและเป็นแบบระดับขั้นของความสำเร็จ (Milestone) เมื่อไม่ผ่านขั้นแรก
ก็ไม่ผ่านขั้นต่อๆ
ไป จากที่คิดว่า ใช่ และน่าจะได้ ๕ ก็กลายเป็น ไม่ใช่ และได้แค่ ๑ ก็เสียความรู้สึกด้วยกันทุกฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งอ้างมาตรฐานและอิงแนวทางการประเมินตามคู่มือ อีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่าได้ทำแล้ว ฝ่ายหนึ่งได้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบตามมาตรฐาน
อีกฝ่ายหนึ่งเสียผลประโยชน์และอาจจะเสียหน้า แต่ทั้งสองฝ่ายเสียดายและเสียความรู้สึก
หากต้องการพัฒนาระบบคุณภาพและจิตสำนึกคุณภาพในสถาบันอุดมศึกษา เราคงต้องช่วยกันสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น
ผ่านกระบวนการการทำงานที่มีอยู่และสร้างมาตรการ/วิธีการเสริมเติมเต็มในสิ่งที่ขาด
กระบวนการ มาตรการ วิธีการทั้งหมด
ควรมุ่งเน้นที่ทุกฝ่ายรู้สึกว่า
ได้ ไม่ใช่ เสีย ถึงจะไม่ได้คะแนน แต่ก็ได้ความรู้
ถึงจะไม่ได้ผลประโยชน์ตอนต้น แต่ก็ได้คุณภาพและความสำเร็จกลับมาตอนท้าย
การทำให้ผู้ปฏิบัติได้รับรู้และเข้าใจนิยาม เกณฑ์การให้คะแนน และแนวทางการประเมินผลของแต่ละตัวชี้วัดอย่างถูกต้องและปฏิบัติด้วยจิตสำนึกคุณภาพ
จึงเป็นภารกิจหลักที่ท้าทายของทุกฝ่ายที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ
๒. ระบบข้อมูลของสถาบันอุดมศึกษาบางแห่งยังไม่ดีพอ ข้อมูลพื้นฐานเพื่อรับรองการประเมินไม่ครบถ้วน
ปัญหาหลักทั้งสองประการ หากมีการนำมาพูดคุยกันในลักษณะกัลยาณมิตรเสวนา
ในรูปแบบการสัมมนาหรือจัดอบรม
เพื่อการพัฒนาระบบคุณภาพและโดยเฉพาะตัวชี้วัดที่สถาบันเข้าใจไม่ถูกต้องหรือยังคิดไม่ออกว่าจะดำเนินการอย่างไรจึงจะ
บรรลุผลสำเร็จตามตัวชี้วัด
ก็จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
ข้อคิดเชิงเสนอแนะ
ข้อคิดเชิงเสนอแนะ
กัลยาณมิตรประเมินที่เริ่มต้นโดยศาสตราจารย์กิตติคุณ
ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการ สมศ. ยังคงเป็นปรัชญาหลัก
ที่สำคัญของการประเมินแนวใหม่ที่ควรใช้เป็นแนวปฏิบัติ (Approach) ในทุกขั้นตอน
และทุกกระบวนการของศาสตร์และศิลป์ของการประเมิน โดยเฉพาะการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของสถาบันอุดมศึกษา
เพราะถ้าทีมผู้ประเมินยึดมั่นในแนวทางนี้ โอกาสที่สถาบันผู้รับการประเมินจะ รับรู้ เข้าใจ และ ยอมรับ ผลการประเมินตามความเป็นจริง
ก็จะเพิ่มขึ้น โอกาสที่แต่ละสถาบันจะใส่ใจให้ความสำคัญกับการประกันคุณภาพและระบบประกันคุณภาพก็น่าจะเพิ่มขึ้น
คุณภาพของคณาจารย ์ คุณภาพของบัณฑิต คุณภาพของอุดมศึกษาไทย และในที่สุดคุณภาพของการศึกษาไทยก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
มาช่วยกันลดความต่างระหว่างผลการประเมินตนเองกับการประเมินภายนอกให้เข้าใกล้หรือเท่ากับ
๐
มาช่วยกันเพาะและขยายเมล็ดพันธุ์
กัลยาณมิตรประเมิน ให้เต็มแผ่นดินของการศึกษาไทย แล้วแพร่ขยายไปสากล
มาช่วยกัน
สร้าง เสริม และ เติมเต็ม
อย่าง
ต่อเนื่อง ด้วยกัลยาณมิตรประเมิน การประเมินที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์
การประเมินที่เกิดจากใจ ทำด้วยใจ และสุขใจที่ได้ทำ
โดย : จุมพล พูลภัทรชีวิน
, (สมศ.)